Tuesday, October 20, 2009

การดูแลสุขภาพที่ดี

คุณหมอครับ ผมเคยได้ยินว่าการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ (ออกแบบเหือกๆ แบบหนักๆ ต่อเนื่องๆ เหงื่อซกๆๆๆ) สามารถทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้นได้จริงไหมครับ


นี่คุณ หัวใจน่ะ มันใช้ได้ดีสำหรับเต้นตึ๊กๆๆ ไม่กี่ครั้งเองนะ พูดง่ายๆ ก็คือ อย่าไปเสียเวลาออกกำลังเลย ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งใช้ๆเข้า
มันก็หมดเกลี้ยงนะ ฉะนั้น การทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นบ่อยๆ น่ะไม่ได้ช่วยให้อายุยืนหรอก ก็เหมือนๆ กับ ถ้าคุณจะพูดว่าขับรถเร็วๆ จะทำให้รถของคุณคงทนขึ้นอย่างนั้นน่ะเหรอ? ถ้าอยากอยู่นานๆ ก็งีบหลับซะเหอะ


ผมควรจะลดปริมาณการกินเนื้อ แล้วเพิ่มการกินผักผลไม้ไหมครับ?

ใช้วิจารณญาณเชิงตรรกะเหตุผลเอาละกันคุณ วัวมันกินอะไรล่ะ? ก็หญ้าแห้งและก็ข้าวโพด ซึ่งไอ้สองอย่างนี่มันคืออะไรล่ะ? ก็ผักไง! ฉะนั้น การกินเนื้อสเต๊กเนี่ย มันคือหนทางที่มีประสิทธิภาพในการส่งผักเข้าสู่ร่างกายเรา ถ้าต้องการธัญพืชเหรอ? ก็กินไก่สิ! ยิ่งกว่านั้นนะคุณ เนื้อวัวน่ะยังเป็นแหล่งผักใบเขียวที่ดีด้วย (ก็วัวมันกินหญ้าเขียวๆ) และพอร์คช็อปน่ะสามารถให้คุณค่าทางอาหารจากพืชที่เพียงพอต่อความต้องการของคุณในวันนึงเลยทีเดียว



ผมควรจะลดปริมาณการดืื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงไหมครับ
ไม่ ไม่จำเป็นเลย ไวน์น่ะทำมาจากผลไม้ บรั่นดีก็คือไวน์ที่กลั่นแล้ว นั่นหมายความว่าส่วนที่เป็นน้ำถูกเอาออกไปจากส่วนผลไม้ มันก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยน่ะสิ เบียร์ก็มาจากธัญพืช........เอ้า...........หมดแก้ว!!!!



ประโยชน์ของการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอคืออะไรครับ?
หมอเองยังคิดไม่ออกสักข้อเลยคุณ เสียใจด้วยนะ ปรัชญาของหมอคืออะไรที่ไม่ทรมาน ก็ดีทั้งนั้นแหล่ะ!


อาหารทอดๆ นี่มันไม่ดีสำหรับร่างกายใช่ไหมครับ?
คุณนี่หูแตกรึไง!! ปัจจุบันนี้อาหารทอดก็ถูกทอดในน้ำมันพืชทั้งนั้นแหล่ะ และน้ำมันพืชก็อยู่ในอาหารพวกนั้นนี่นา แล้วการกินพืชมากขึ้นมันไม่ดีตรงไหนวะ?

การซิท-อัพช่วยป้องกันไขมันรอบหน้าท้องได้ไหมคะ๋?
ไม่มีทาง! เวลาคุณออกกำลังกล้ามเนื้อมันก็จะใหญ่ขึ้น ถ้าคุณอยากมีพุงใหญ่ๆ ก็ซิท-อัพไปเหอะ

ช๊อกโกแล๊ตนี่ไม่ดีใช่มั๊ยคะ
บ้ารึเปล่าคุณ? โว้ยยยยยยยย ก็เมล็ดโกโก้ไงเล่า!!!! แล้วธัญพืชมันก็ดีสำหรับคุณ ช๊อกโกแล๊ตน่ะมันเป็นอาหารที่เยี่ยมที่สุด!


การว่ายน้ำดีต่อรูปร่างมั๊ยคะ?
ก็ถ้ามันดีจริง ไหนอธิบายซิว่า
ปลาวาฬหุ่นดีแค่ไหนกันเชียว


การมีรูปร่างดีๆ สำคัญต่อชีวิตมั๊ยคะ?
โธ่เว้ย! แล้วทรงกลมๆ มันก็เป็น "รูปร่าง" ไม่ใช่เรอะ


เอาล่ะ นี่คงแก้ปัญหาความเข้าใจที่ผิดๆ เรื่องโภชนาการที่ดีได้แล้วนะ

และก็จำไว้ด้วยว่า

ชีวิตน่ะมันไม่ใช่การฝังจิตฝังใจเอาไว้กับการระมัดระวังเพื่อรักษารูปร่างให้ดีๆ ไว้ แต่มันควรเป็นเหมือนการเล่นสไลเดอร์ มือข้างนึงไวน์ชาร์ดองเน่ไว้ และถือช๊อกโกแล๊ตไว้ในมืออีกข้าง ใช้ร่างกายทั้งหมดให้คุ้มๆ แหกปากกู่ก้อง เว้ยเฮ้ยยยยยย!!!! สนุกอะไรอย่างนี้!!

แล้วก็นะ....

สำหรับพวกที่ต้องคอยดูแล้วดูอีกว่ากินอะไรเข้าไปยังไงบ้าง อ่านด้านล่างนี่ซะ นี่คือข้อสรุปเกี่ยวกับโภชนาการและสุขภาพ อ่านแล้วจะโล่งเอามากๆ เลยที่ได้รู้ความจริงหลังจากที่ผลวิจัยทางโภชนาการเขาถกเถียงกันมานาน

1. คนญี่ปุ่นบริโภคไขมันน้อย และก็มีภาวะหัวใจวายน้อยกว่าคนอเมริกัน

2. คนแม๊กซิกันบริโภคไขมันเยอะโคดๆ แต่ก็มีภาวะหัวใจวายน้อยกว่าคนอเมริกัน

3. คนจีนไม่ค่อยดื่มไวน์แดง และมีภาวะหัวใจวายน้อยกว่าคนอเมริกัน

4. คนอิตาเลี่ยนดื่มไวน์แดงเยอะมากๆ แต่ก็มีภาวะหัวใจวายน้อยกว่าคนอเมริกัน

5 คนเยอรมันตะบี้ตะบันดื่มเบียร์ แถมยังยัดทะนานกินไส้กรอกและก็พวกอาหารไขมัน แต่ก็มีภาวะหัวใจวายน้อยกว่าคนอเมริกัน

CONCLUSION ข้อสรุปก็คือ........

Eat and drink what you like. ชอบอะไรก็กินๆ ดื่มๆ มันเข้าไปเหอะ

Wednesday, September 23, 2009

อยากทำบุญ ทำไงอ่ะ ???

โอหนอเราจะพึงทำเหตุอะไรที่เป็นกุศลดีหนอ?....
ในบรรดาบุญทั้งหลายในโลกนี้นั้น มีอยู่ด้วยกัน ๑๐ อย่าง ไม่มีมากกว่านี้แล้ว เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ...

ก่อนหน้านี้ เรามักจะคิดว่า เราไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยมีโอกาสทำบุญเลย นานๆจึงจะได้ไป เพราะเราต้องทำงานไม่ค่อยมีเวลาทำกุศล...ฯลฯ
เพราะเหตุใด?

ก็เพราะว่า เราคิดเอาเองว่าบุญนั้น ต้องทำกับพระ ไปวัดเท่านั้น...นี้เป็นเรื่องน่าเสียดาย สมควรอย่างยิ่งที่เราทั้งหลายจะต้องศึกษา ทำความเข้าใจเรื่องบุญทั้งหลายให้ดี...จะได้ทำเป็น ทำถูกต้องด้วย ไม่เผลอไปทำบาปโดยคิดว่าเป็นบุญ...

เริ่มจาก
๑. ทาน...ทานนี้คือการให้ การสละ บริจาค..โดยมีวัตถุทานก็ได้ไม่มีก็ได้ เช่น การให้ธรรมะ ให้ปัญญา นี้ก็เรียกว่าเป็นธรรมทาน.
การให้นั้นต้องมีบุคคลรับ จะเป็นพระก็ได้ เป็นฆราวาส เป็นคนรวยคนจน คนมีศีลไม่ศีล หรือแม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ได้..ทั้งนี้ บุคคลผู้เป็นผู้รับนั้น หากเป็นคนดี มีคุณธรรมมากๆ อานิสงส์แห่งทานก็ยิ่งตามไปด้วย...
ดังนั้นเราทำได้ทุกวัน ให้ในสิ่งที่ไม่ใช่วัตถุทานก็ได้ ให้น้ำใจเอื้อเฟื้อ ให้ใบหน้าแย้มยิ้ม ให้หูรับฟัง ให้ขนมนมเนยเพื่อนฝูงที่ทำงาน ซื้อขนม อาหารให้พ่อให้แม่ เป็นต้น... ทานก็เกิดได้ทุกๆวัน...

๒. ศีล การสมาทานศีลขณะสวดมนต์ไหว้พระ ก็ชื่อว่า ศีล เป็นศีลที่เกิดจากเจตนาสมาทานที่จะงดเว้น นี้ก็เป็นศีล เราทำได้ทุกวันนี่ ไม่ต้องใช้ปัจจัยด้วยซ้ำ
เห็นไหม ทำได้ทุกวันเลย บุญนี้ก็เกิดได้ทุกวัน..เวลาเราเจอะเจออะไรที่ควรเว้น เราก็เว้น เพราะรู้ว่าไม่ดี นี้ก็เป็นศีล..เรียกวิรัตศีล คือศีลที่เกิดจากการเว้นเฉพาะหน้า ชื่อว่า เป็นศีลที่มีกำลัง เช่น เพื่อนชวนกินเหล้า เรางด ก็ชื่อว่าศีล..เพื่อนชวนไปเที่ยวกับว่าที่"กิ๊ก" เราก็งดเว้น ละขาด ก็ชื่อว่าศีล..เราอยากจะด่า อยากนินทา อยากส่อเสียด เราก็เว้นเพราะรู้ว่าไม่ดี ก็ชื่อว่าศีล..เห็นไหม มีเกิดได้ทุกวันเลย...

๓. ภาวนา อย่างง่ายๆ ก็สวดมนต์ไหว้พระก็จัดว่าเป็นภาวนากุศล ทำได้ทุกวันนี่... เพื่อกุศลแห่งปัญญาเจริญให้ยิ่งๆขึ้น ทำได้ง่ายๆทุกวันไม่ใช่หรือ

๔.อปจายนะ คือความ อ่อนน้อม นอบน้อมล่ะ ทำได้ทุกวันเลย เราก็เจอผู้หลักผู้ใหญ่ เราก็ยกมือกราบไหว้ กุศลนี้ก็เกิดแล้ว คนเดินทางเห็นภาพในหลวง พระราชินีตามมุมถนนที่ทางการจัดไว้ ก็ทำกุศลนี้เลยค่ะ ยกมือไหว้ท่าน นึกถึงคุณของท่าน ความอ่อนน้อมก็เกิดได้ทันทีใช่ไหม ไหว้พ่อไหว้แม่กุศลนี้ก็เกิด ทำได้ทุกวันนี่

๕.เวยยาวัจจะ คือการช่วยเหลือการงานให้ลุล่วง ไม่ว่าจะเป็นการงานที่เราต้องทำ ไม่อู้งาน ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง หรือเขามีการการกุศลอะไรๆ ช่วยได้ก็ช่วยเลย เป็นกุศลเวยยาวัจจะนี่ละ ทำได้ทุกวันเหมือนกัน..
๖. ปัตติทาน คือ การแผ่อุทิศส่วนบุญ ก็เกิดได้ทุกวัน เพราะเราทำบุญทุกวันทั้งวันด้วยซ้ำ ถ้าเข้าใจ หรือก่อนนอนสวดมนต์ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัยเราก็แผ่อุทิศไป บุญนี้ก็เกิดได้อีก ได้ทุกวันเลย

๗. ปัตตานุโมทนาล่ะ..โอโฮ..บุญนี้เกิดกะคนเดินทางทุกวัน เห็นใครทำความดีก็อนุโมทนาแล้ว คนเขาขับรถจอดให้คนเดินข้ามเราก็อนุโมทนา..ลูกน้องยกมือไหว้เรา เราก็อนุโมทนา ใครทำกุศลอะไรๆ เราก็อนุโมทนา..กลับมาบ้านเปิดทีวี เจอข่าวในหลวงพระราชินีกับพระราชกรณียกิจ เราก็เกิดจิตอนุโมทนา... เห็นผู้คนเข้าเว็บไซต์ เราก็อนุโมทนา เพราะรู้ว่าบุญกำลังเกิดแก่พวกเขาอยู่..บุญอย่างนี้เกิดได้เกือบตลอดวันเลย .. ใครเขาแผ่บุญให้เรา เราก็รับก็อนุโมทนา ไม่ยากเลยเห็นไหม

๘. ธรรมสวนะ คือ การฟังธรรมล่ะ อันนี้ เปิดเว็บอนุรักษ์ธรรม บุญนี้ก็เกิดแล้ว ง่ายไหมคะ...หรือไปฟังธรรมที่ไหนๆ บุญนี้ก็เกิด..ไม่ยากเลย

๙. ธรรมเทศนา คือการแสดงธรรม ให้ธรรมทาน คนเดินทางทำทุกวัน กับเว็บนี้ไงคะ ไม่รวมที่แสดงให้พนักงานฟังบ้าง ลูกๆบ้าง เพื่อนๆบ้าง ทำได้ตลอด..ท่านที่ไม่ได้ทำข้อนี้ก็ไม่เป็นไร เราแนะนำคนให้เกิดปัญญา แม้เล็กน้อย ก็ได้ชื่อว่าบุญเกิดแล้ว

๑๐. ทิฏฐุชุกรรม คือ การทำความเห็นให้ถูกตรง การเรียนพระอภิธรรม ศึกษาธรรมที่ถูกตรง ก็ชื่อว่าเป็นกุศลนี้ ก็ได้ชื่อว่า ทำทิฏฐุชุกรรมกุศลนะ เพราะเป็นไปเพื่อปัญญาสัมมาทิฏฐิ..
ดูเหมือนว่า ทั้ง ๑๐ ข้อนี้ เป็นบุญที่เกิดได้แสนง่ายในแต่ละวัน..หากรู้ หากเข้าใจ

Wednesday, March 4, 2009

Yourself

พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก


อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น ภาวนามากๆ ดูตัวเองมากๆ
หลวงพ่อ ( พระโพธิญาณเถร) บอกว่า
' ธรรมดาเราดูแต่คนอื่น 90 % ดูตัวเองแค่ 10 %' คือคอยดูแต่ความผิดของคนอื่น เพ่งโทษคนอื่น คิดแต่จะแก้ไขคนอื่น


กลับเสียใหม่นะ ดูคนอื่นเหลือไว้ 10 %
ดูเพื่อศึกษาว่า เมื่อเขาทำอย่างนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไร
เพื่อเอามาสอนตัวเองนั่นแหละ
ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง 90 % จึงเรียกว่าปฏิบัติธรรมอยู่


ธรรมชาติของจิตใจมันเข้าข้างตัวเอง
โบราณพูดว่า เรามักจะเห็น ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดของตนเองเท่ารูเข็ม
มันเป็นความจริงอย่างนั้นด้วย เราจึงต้องระวังความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้มากๆ
เห็นความผิดของคนอื่น ให้หารด้วย 10
เห็นความผิดตัวเอง ให้คูณด้วย 10
จึงจะใกล้เคียงกับความจริงและยุติธรรม
เพราะเหตุนี้เราจะต้องพยายามมองแง่ดีของคนอื่นมากๆ
และตำหนิติเตียนตัวเองมากๆ
แต่ถึงอย่างไรๆ เราก็ยังเข้าข้างตัวเองนั่นแหละ

พยายามอย่าสนใจการกระทำ การปฏิบัติของคนอื่น
ดูตัวเอง สนใจแก้ไขตัวเองนั่นแหละมากๆ
เช่น เข้าครัวเห็นเด็กทำอะไรไม่ถูกใจ
แล้วก็เกิดอารมณ์ร้อนใจ

ยังไม่ต้องบอกให้เขาแก้ไขอะไรหรอก
รีบแก้ไข ระงับอารมณ์ร้อนใจของตัวเองเสียก่อน
เห็นอะไร คิดอะไร รู้สึกอย่างไร ก็สักแต่ว่า ใจเย็นๆ ไว้ก่อน
ความเห็น ความคิด ความรู้สึกก็ไม่แน่ ..... ไม่แน่
อาจจะถูกก็ได้ อาจจะผิดก็ได้
เราอาจจะเปลี่ยนความเห็นก็ได้
สักแต่ว่า ..... สักแต่ว่า ..... ใจเย็นๆ ไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูด

ดูใจเราก่อน สอนใจเราก่อน หัดปล่อยวางก่อน
เมื่อจิตสงบแล้ว เมื่อจิตปกติแล้ว
จึงค่อยพูด จึงค่อยออกความเห็น
พูดด้วยเหตุ ด้วยผล ประกอบด้วยจิตเมตตากรุณา

ขณะมีอารมณ์อย่าเพิ่งพูด
ทำให้เสียความรู้สึกของผู้อื่น
ทำให้เสียความรู้สึกของตัวเอง
ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
มักจะเสียประโยชน์ซ้ำไป


เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหน อยู่ที่วัด อยู่ที่บ้าน
ก็สงบๆ ๆ ไม่ต้องดูคนอื่นว่าเขาทำผิดๆ ๆ
ดูแต่ตัวเรา
ระวังความรู้สึก ระวังอารมณ์ของเราเองให้มากๆ
พยายามแก้ไข พัฒนาตัวเรา ..... นั่นแหละ


เห็นอะไรชอบ ไม่ชอบ ปล่อยไว้ก่อน
เรื่องของคนอื่น พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา
ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งกับเรื่องของคนอื่นไปเรื่อยๆ
หาเรื่องอยู่อย่างนั้น เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเราหมด
มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ ทั้งวัน
อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย ทั้งวันๆ ก็หมดแรง

ระวังนะ
พยายามตามดูจิตของเรา รักษาจิตของเราให้เป็นปกติให้มาก
ใครจะเป็นอะไร ใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดี เรื่องของเขา
แม้เขาจะทำกับเรา ว่าเรา..... ก็เรื่องของเขา
อย่าเอามาเป็นอารมณ์
อย่าเอามาเป็นเรื่องของเรา

ดูใจเรานั่นแหละ
พัฒนาตัวเองนั่นแหละ
ทำใจเราให้ปกติ สบายๆ มากๆ
หัด - ฝึก ปล่อยวาง นั่นเอง
ไม่มีอะไรหรอก
ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการตามรักษาจิตของเรา
คิดดี พูดดี ทำดี มีความสุข





"เจ็บแล้วต้องจำ"

โดย เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

จงระลึกถึงคติพจน์ว่า
"Do no wrong is do nothing !"
"ทำอะไรไม่ผิดเลย ก็คือไม่ทำอะไรเลย !"


ความผิดนี้แหละเป็นครูอย่างดี ควรจะรู้สึกบุญคุณของตนเองที่ทำอะไรผิดพลาด และควรสบายใจที่ได้พบกับอาจารย์ผู้วิเศษ คือความผิด จะได้ตรงกับคำว่า "เจ็บแล้วต้องจำ"
ตัวทำเองผิดเองนี้แหละ เป็น อาจารย์ผู้วิเศษ เป็น "Good Example" ตัวอย่างที่ดี เพื่อจะได้จดจำไว้สังวรระวังไม่ให้ผิดต่อไป แล้วตั้งต้นใหม่ด้วยความไม่เลินเล่อเผลอประมาท
อดีตที่ผิดไปแล้วก็ผ่านพ้นล่วงเลยไปแล้ว แต่อาจารย์ผู้วิเศษยังคงอยู่คอยกระซิบเตือนใจอยู่เสม อทุกขณะว่า "ระวัง ! อย่าประมาทนะ ! อย่าให้ผิดพลาดเช่นนั้นอีกนะ !"

ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน


จงสังเกตพิจารณาดูให้ดีเถิด จะเห็นได้ว่านักค้นคว้าวิทยาศาสตร์ทางโลกก็ดี และท่านผู้วิเศษที่เป็นศาสดาจารย์ในทางธรรมทั้งหลายก ็ดี
ล้วนแต่ผ่านพ้นอุปสรรคความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น



"จิตส่งออกนอกคือสมุทัย มีผลเป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค มีผลเป็นนิโรธ"

“อนึ่ง ตามสภาพที่แท้จริงของจิต ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้นๆ โดยธรรมชาติของมันเอง ก็แต่ว่า ถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว จิตเกิดหวั่นไหวหรือเกิดกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น เป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหวหรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้ นๆ เป็นทุกข์ ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว แต่ไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้นๆ มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นมรรค ผลอันเกิดจากจิตไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อม เพราะมีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นนิโรธ

" ถ้าจิตไม่ออกไปรับความทุกข์แล้ว ใครกันล่ะที่จะเป็นผู้ทุกข์ "




Tuesday, February 17, 2009

อย่าลืมดูแลหัวใจคนอื่น...ด้วยการถ่อมตน

คนเรายิ่งอยู่สูง ยิ่งต้องมองต่ำ

ส่วนคนที่อยู่ต่ำกว่า ต้องมองสูง

และทั้งคู่จะมองเห็นความสวยงามของกันและกัน



--------------------------------------


'ข้าวที่เต็มรวง จะโน้มลงพื้นดิน

เป็นรวงข้าวที่สมบูรณ์ เป็นที่ต้องการ

แต่ถ้าข้าวรวงไหนมีเมล็ดลีบมากๆ

มันจะตั้งตรง ไม่มีใครอยากเกี่ยวให้

เปลืองแรงหรอก คนเราก็เช่นกัน'



คนเราทุกคนมีค่าเท่ากัน....

การถ่อมตนอย่างถูกกาลเทศะ

จะสร้างความรู้สึกดีให้กับคนอื่น

แปลว่าคนคนนั้นเติมเต็ม

เหมือนข้าวที่เต็มรวง จะยิ่งโน้มลงดิน

เป็นรวงข้าวที่มีค่า...





คนที่อ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่ทับถมใคร

จะดูน่ารักในสายตาคนอื่น

คุยด้วยก็รู้สึกดี




คนเรายิ่งอยู่สูง ยิ่งต้องมองต่ำ

ส่วนคนที่อยู่ต่ำกว่า ต้องมองสูง



และทั้งคู่จะมองเห็นความสวยงามของกันและกัน อย่างไม่ยาก




ถ้ามัวแต่ดูถูกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี

แล้วเมื่อไหร่จะเห็นความสวยงามของโลก...




--
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย
แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายก็เพราะเหน็บให้เจ็บใจ